บริการอื่นๆ

การตรวจคุณภาพน้ำเชื้ออสุจิ

(Semen Analysis: SA) เพื่อประเมินภาวะเจริญพันธุ์ของผู้ชาย

การตรวจคุณภาพน้ำเชื้ออสุจิหรือ Semen Analysis (SA) 

เป็นการตรวจหาความสมบูรณ์และคุณภาพของน้ำเชื้อ ซึ่งเป็นวิธีการพื้นฐานที่สำคัญในการประเมินภาวะเจริญพันธุ์ของฝ่ายชาย เหมาะสำหรับคู่สมรสที่กำลังวางแผนมีบุตร หรือผู้ชายที่สงสัยว่ามีปัญหาภาวะมีบุตรยาก


การตรวจคุณภาพน้ำเชื้ออสุจิ (SA) คืออะไร?

การตรวจ SA เป็นการวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำเชื้ออสุจิในห้องปฏิบัติการ โดยการตรวจจะเน้นประเมินปริมาณ คุณภาพ และการทำงานของเชื้ออสุจิ เพื่อหาสาเหตุที่อาจทำให้เกิดภาวะมีบุตรยาก


ขั้นตอนการตรวจ SA

1.การเก็บตัวอย่างน้ำเชื้อ

  • ผู้เข้ารับการตรวจจะต้องเก็บตัวอย่างน้ำเชื้อผ่านการช่วยตัวเอง (Masturbation) ภายในห้องที่จัดเตรียมไว้โดยเฉพาะ
  • ควรงดการหลั่งอสุจิอย่างน้อย 2-5 วันก่อนเข้ารับการตรวจ เพื่อให้ได้ผลที่แม่นยำที่สุด

2.การวิเคราะห์น้ำเชื้อในห้องปฏิบัติการ

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการตรวจและวิเคราะห์คุณสมบัติของน้ำเชื้อ เช่น

  • ปริมาณน้ำเชื้อ (Volume): ตรวจดูปริมาณน้ำเชื้อที่ผลิตออกมา
  • จำนวนอสุจิ (Sperm Count): ตรวจดูจำนวนตัวอสุจิต่อมิลลิลิตร
  • การเคลื่อนไหวของอสุจิ (Motility): ตรวจดูความสามารถในการเคลื่อนที่ไปปฏิสนธิกับไข่
  • รูปร่างของอสุจิ (Morphology): ตรวจดูความสมบูรณ์ของรูปร่างตัวอสุจิ
  • ความเป็นกรด-ด่าง (pH): ตรวจสมดุลของน้ำเชื้อ
  • ความหนืด (Viscosity): ตรวจความหนืดของน้ำเชื้อที่อาจขัดขวางการเคลื่อนที่ของอสุจิ


3.การรายงานผลตรวจ

หลังจากตรวจวิเคราะห์ แพทย์จะแจ้งผลและอธิบายข้อมูลที่ได้เพื่อวางแผนการรักษาเพิ่มเติมหากพบความผิดปกติ

ทำไมการตรวจ SA จึงสำคัญ?

• ช่วยประเมินภาวะเจริญพันธุ์และความพร้อมในการมีบุตรของฝ่ายชาย

• ค้นหาสาเหตุของภาวะมีบุตรยากที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพของเชื้ออสุจิ

• ช่วยวางแผนการรักษาภาวะมีบุตรยาก เช่น การทำ IUI, IVF หรือ ICSI

• เป็นขั้นตอนพื้นฐานในการตรวจสุขภาพการเจริญพันธุ์ของผู้ชาย

ใครบ้างที่ควรตรวจ SA?

• คู่สมรสที่พยายามมีบุตรนานกว่า 1 ปีแต่ไม่ประสบความสำเร็จ

• ผู้ชายที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคประจำตัวที่อาจส่งผลต่อคุณภาพอสุจิ

• ผู้ชายที่มีประวัติการผ่าตัดหรืออุบัติเหตุบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์

• ผู้ที่วางแผนมีบุตรและต้องการประเมินภาวะเจริญพันธุ์

• ผู้ที่ต้องการตรวจสุขภาพระบบสืบพันธุ์เป็นประจำ

การเตรียมตัวก่อนตรวจ SA

• งดการหลั่งน้ำอสุจิอย่างน้อย 2-5 วันก่อนการตรวจ

• งดแอลกอฮอล์ คาเฟอีน และบุหรี่ประมาณ 1-2 วันก่อนการตรวจ

• หลีกเลี่ยงการเจ็บป่วยหรือการใช้ยาบางชนิดที่อาจส่งผลต่อคุณภาพอสุจิ

สรุป

การตรวจคุณภาพน้ำเชื้ออสุจิ (SA) เป็นขั้นตอนสำคัญสำหรับผู้ชายที่ต้องการวางแผนมีบุตรหรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับภาวะมีบุตรยาก การตรวจนี้จะช่วยให้แพทย์สามารถประเมินปัญหาและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสในการมีบุตรที่ประสบความสำเร็จ

หากคุณสนใจบริการตรวจคุณภาพน้ำเชื้ออสุจิ (SA) สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลยค่ะ

TESE/PESA: การเก็บเชื้ออสุจิโดยตรงจากอัณฑะ

TESE (Testicular Sperm Extraction) และ PESA (Percutaneous Epididymal Sperm Aspiration) เป็นเทคนิคทางการแพทย์ที่ใช้เก็บตัวอสุจิโดยตรงจากอัณฑะหรือท่อนำอสุจิ สำหรับผู้ชายที่มีภาวะ ไร้อสุจิในน้ำเชื้อ (Azoospermia) ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุของภาวะมีบุตรยาก เทคนิคเหล่านี้ช่วยให้สามารถนำอสุจิไปใช้ในการทำเด็กหลอดแก้ว (ICSI) ได้


TESE คืออะไร?

TESE (Testicular Sperm Extraction) คือ การผ่าตัดเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อจากอัณฑะโดยตรง เพื่อนำไปค้นหาและแยกอสุจิที่ยังมีชีวิตออกมา แม้ในกรณีที่น้ำเชื้อไม่พบอสุจิเลยก็ตาม


ขั้นตอนการทำ TESE:

  1. ผู้ป่วยจะได้รับการฉีดยาชาเฉพาะที่หรือดมยาสลบ
  2. แพทย์จะทำการผ่าตัดขนาดเล็กที่อัณฑะ เพื่อนำเนื้อเยื่อจากอัณฑะออกมา
  3. เนื้อเยื่อจะถูกนำไปตรวจหาตัวอสุจิในห้องปฏิบัติการ
  4. ตัวอสุจิที่ได้จะถูกแยกออกและนำไปใช้ในการปฏิสนธิกับไข่ผ่านเทคนิค ICSI


TESE เหมาะกับใคร?

  • ผู้ชายที่มีภาวะ Azoospermia ชนิดไม่มีการอุดตัน (Non-obstructive Azoospermia)
  • ผู้ชายที่มีความผิดปกติในการผลิตอสุจิ


PESA คืออะไร?

PESA (Percutaneous Epididymal Sperm Aspiration) คือ การใช้เข็มขนาดเล็กดูดเอาอสุจิโดยตรงจากท่อนำอสุจิ (Epididymis) โดยไม่ต้องผ่าตัด ซึ่งเป็นวิธีที่รวดเร็วและมีการบาดเจ็บน้อยกว่า

ขั้นตอนการทำ PESA:

  1. ผู้ป่วยจะได้รับการฉีดยาชาเฉพาะที่
  2. แพทย์จะใช้เข็มขนาดเล็กดูดอสุจิโดยตรงจากท่อนำอสุจิ
  3. อสุจิที่ได้จะถูกนำไปตรวจวิเคราะห์และแยกตัวที่แข็งแรง
  4. อสุจิที่ได้จะถูกนำไปใช้ในการทำ ICSI

PESA เหมาะกับใคร?

  • ผู้ชายที่มีภาวะ Azoospermia ชนิดมีการอุดตัน (Obstructive Azoospermia) เช่น การอุดตันของท่อนำอสุจิ หรือผู้ที่ทำหมันมาก่อน
  • ผู้ชายที่มีปัญหาเกี่ยวกับท่อนำอสุจิ เช่น ท่อนำอสุจิไม่พัฒนาแต่กำเนิด


ข้อดีของ TESE/PESA

  • ช่วยให้ผู้ชายที่มีภาวะไร้อสุจิในน้ำเชื้อสามารถมีบุตรได้
  • เป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ที่เคยทำหมันและต้องการมีบุตรอีกครั้ง
  • ช่วยเพิ่มโอกาสความสำเร็จในการทำเด็กหลอดแก้ว (ICSI)

สรุป

การเก็บอสุจิด้วยวิธี TESE หรือ PESA เป็นเทคนิคที่เหมาะสำหรับผู้ชายที่มีภาวะไร้อสุจิ ซึ่งช่วยให้มีโอกาสมีบุตรได้แม้จะพบปัญหาในการผลิตหรือส่งผ่านอสุจิ วิธีนี้เป็นทางออกที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยสามารถนำอสุจิที่ได้ไปใช้ในการทำเด็กหลอดแก้ว (ICSI) เพื่อเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์

หากคุณหรือคู่สมรสกำลังประสบปัญหาภาวะมีบุตรยาก สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเรา

 เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุด

MACS Sperm: เทคโนโลยีคัดกรองอสุจิคุณภาพสูง 

เพิ่มโอกาสความสำเร็จในการมีบุตร

MACS Sperm (Magnetic Activated Cell Sorting) เป็นเทคโนโลยีที่ช่วยคัดกรองและแยกอสุจิที่มีคุณภาพดีและแข็งแรงออกจากอสุจิที่มีความผิดปกติหรือกำลังเสื่อมสภาพ เพื่อเพิ่มโอกาสในการปฏิสนธิที่ประสบความสำเร็จในการทำ เด็กหลอดแก้ว (IVF/ICSI)


MACS Sperm คืออะไร?

MACS Sperm คือ เทคนิคที่ใช้ อนุภาคแม่เหล็ก (Magnetic Beads) ที่จับกับโปรตีนภายในเซลล์อสุจิที่กำลังเข้าสู่กระบวนการตายตามธรรมชาติ (Apoptosis) เพื่อแยกอสุจิเหล่านี้ออกจากอสุจิที่แข็งแรง โดยกระบวนการนี้ช่วยให้ได้อสุจิที่มีคุณภาพดีที่สุดไปใช้ในการปฏิสนธิกับไข่


หลักการทำงานของ MACS Sperm

1. เตรียมตัวอย่างอสุจิ

ตัวอย่างน้ำเชื้อจะถูกนำไปผสมกับอนุภาคแม่เหล็กที่จับกับโปรตีนของเซลล์อสุจิที่กำลังเสื่อมสภาพ

2. คัดแยกอสุจิด้วยสนามแม่เหล็ก

ตัวอย่างอสุจิจะถูกนำผ่านเครื่องคัดแยกที่ใช้สนามแม่เหล็ก อสุจิที่เสื่อมสภาพจะถูกกักไว้ ส่วนอสุจิที่แข็งแรงและสมบูรณ์จะไหลผ่านออกมา

3. เก็บอสุจิคุณภาพดี

อสุจิที่ได้จากกระบวนการนี้จะมีคุณภาพสูงและพร้อมสำหรับการนำไปใช้ในกระบวนการช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น การทำ ICSI หรือ IVF


ข้อดีของเทคโนโลยี MACS Sperm

  • เพิ่มคุณภาพของอสุจิ: ช่วยแยกอสุจิที่มีสุขภาพดีออกจากอสุจิที่กำลังเสื่อมสภาพ
  • เพิ่มโอกาสการปฏิสนธิ: ช่วยให้การปฏิสนธิสำเร็จได้ง่ายขึ้นเมื่อนำไปใช้ร่วมกับ ICSI หรือ IVF
  • ลดความเสี่ยงของการแท้งบุตร: เนื่องจากใช้อสุจิที่มีความสมบูรณ์ จึงช่วยลดโอกาสเกิดปัญหาจากตัวอสุจิที่ผิดปกติ
  • เหมาะกับคู่สมรสที่มีภาวะมีบุตรยาก: โดยเฉพาะในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับคุณภาพอสุจิ

ใครควรใช้เทคโนโลยี MACS Sperm?

  • ผู้ชายที่มีปัญหา ภาวะมีบุตรยาก หรือพบอสุจิที่เสื่อมสภาพในปริมาณมาก
  • คู่สมรสที่เคยทำ IVF/ICSI แล้วไม่ประสบความสำเร็จ
  • ผู้ที่เคยมีประวัติการแท้งบุตรบ่อยครั้ง
  • ผู้ชายที่มีความผิดปกติของน้ำเชื้อ เช่น DNA Fragmentation สูง
  • ผู้ที่มีภาวะเครียด หรือมีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น การสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ

กระบวนการนำ MACS Sperm ไปใช้

อสุจิที่ผ่านการคัดกรองด้วยเทคโนโลยี MACS Sperm สามารถนำไปใช้ในขั้นตอนต่าง ๆ ของเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น

  • ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection): การฉีดอสุจิเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรง
  • IVF (In-Vitro Fertilization): การปฏิสนธิในห้องปฏิบัติการ
  • การแช่แข็งอสุจิเพื่อเก็บรักษาสำหรับใช้ในอนาคต

สรุป

เทคโนโลยี MACS Sperm เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการตั้งครรภ์สำหรับคู่สมรสที่มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก โดยการคัดกรองอสุจิที่มีคุณภาพสูงออกมาเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิสนธิ สำหรับผู้ที่สนใจหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคัดกรองอสุจิด้วย MACS Sperm สามารถติดต่อทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราได้

หากคุณสนใจบริการสามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลยค่ะ

การแช่แข็งอสุจิ (Sperm Freezing): 

ทางเลือกการเก็บรักษาอสุจิโดยการแช่แข็ง

การแช่แข็งอสุจิหรือ Sperm Freezing เป็นกระบวนการทางการแพทย์ที่ช่วยเก็บรักษาเซลล์อสุจิไว้ในอุณหภูมิที่ต่ำมาก เพื่อคงคุณภาพและความสามารถในการปฏิสนธิสำหรับการใช้งานในอนาคต เหมาะสำหรับผู้ชายที่ต้องการวางแผนมีบุตรในภายหลังหรือในกรณีที่มีปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพของอสุจิ


การแช่แข็งอสุจิ (Sperm Freezing) คืออะไร?

การแช่แข็งอสุจิเป็นกระบวนการเก็บรักษาตัวอสุจิในอุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส ด้วยไนโตรเจนเหลว เพื่อหยุดการเสื่อมสภาพของอสุจิ และช่วยให้สามารถนำไปใช้ในอนาคตเมื่อต้องการมีบุตร ผ่านกระบวนการทางเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น IUI, IVF หรือ ICSI


ขั้นตอนการแช่แข็งอสุจิ

1. การตรวจสุขภาพเบื้องต้น

ผู้เข้ารับบริการจะได้รับคำปรึกษาและตรวจสุขภาพ รวมถึงการตรวจคุณภาพของน้ำเชื้อเบื้องต้น

2. การเก็บตัวอย่างน้ำเชื้อ

  • ผู้ป่วยจะเก็บตัวอย่างน้ำเชื้อผ่านการช่วยตัวเอง (Masturbation) ภายในห้องที่จัดเตรียมไว้
  • แนะนำให้งดการหลั่งน้ำเชื้อ 2-5 วันก่อนการเก็บเพื่อให้ได้คุณภาพน้ำเชื้อที่ดีที่สุด

3. การประเมินคุณภาพน้ำเชื้อ

  • ห้องปฏิบัติการจะทำการตรวจวิเคราะห์น้ำเชื้อ เช่น จำนวน ความแข็งแรง และการเคลื่อนไหวของอสุจิ
  • อสุจิที่มีคุณภาพเหมาะสมจะถูกนำไปเข้าสู่กระบวนการแช่แข็ง

4. การแช่แข็งน้ำเชื้อ

น้ำเชื้อจะถูกผสมกับสารปกป้องเซลล์ (Cryoprotectant) เพื่อลดความเสียหายจากการแช่แข็ง ก่อนเก็บรักษาไว้ในถังไนโตรเจนเหลวที่อุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส

5. การจัดเก็บในระยะยาว

อสุจิที่ผ่านการแช่แข็งจะถูกจัดเก็บอย่างปลอดภัยในธนาคารเก็บรักษาอสุจิ เพื่อนำมาใช้เมื่อผู้ป่วยต้องการ

ใครบ้างที่เหมาะกับการแช่แข็งอสุจิ?

1.ผู้ชายที่ต้องการวางแผนมีบุตรในอนาคต เช่น ยังไม่พร้อมมีครอบครัวในปัจจุบัน

2.ผู้ชายที่มีปัญหาสุขภาพ

  • ต้องเข้ารับการรักษามะเร็ง เช่น เคมีบำบัดหรือการฉายแสง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการผลิตอสุจิ
  • ผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดที่อัณฑะหรือระบบสืบพันธุ์

3.ผู้ที่มีความเสี่ยงจากการทำงาน เช่น ทำงานในพื้นที่ที่มีสารพิษหรือรังสี

4.ผู้ชายที่มีปัญหาน้ำเชื้ออ่อน หรือคุณภาพอสุจิลดลง

5.ผู้ที่ต้องการทำหมัน แต่ยังต้องการเก็บอสุจิไว้ใช้ในอนาคต


ข้อดีของการแช่แข็งอสุจิ

  • คงความสามารถในการมีบุตรในอนาคต โดยไม่ต้องกังวลเรื่องอายุหรือคุณภาพของอสุจิที่ลดลง
  • ป้องกันความเสี่ยงจากโรคหรือการรักษาที่อาจกระทบการผลิตอสุจิ
  • เก็บรักษาได้ระยะยาว อสุจิที่แช่แข็งสามารถคงสภาพได้นานหลายปี
  • สะดวกและปลอดภัย สามารถนำอสุจิกลับมาใช้งานได้ทุกเมื่อที่ต้องการ
    

การนำอสุจิแช่แข็งไปใช้

เมื่อผู้ป่วยพร้อมที่จะมีบุตร อสุจิที่ผ่านการแช่แข็งจะถูกนำมาละลายและนำไปใช้ในการทำเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ เช่น

  • IUI (Intrauterine Insemination): การฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูก
  • IVF (In-Vitro Fertilization): การทำเด็กหลอดแก้ว
  • ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection): การฉีดอสุจิเข้าไข่โดยตรง

สรุป

การแช่แข็งอสุจิ (Sperm Freezing) เป็นทางเลือกที่ช่วยเก็บรักษาความสามารถในการมีบุตรของผู้ชายในระยะยาว โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการวางแผนมีครอบครัวในอนาคต หรือเผชิญกับความเสี่ยงจากโรคหรือการรักษาที่อาจกระทบคุณภาพอสุจิ บริการนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าจะสามารถมีบุตรได้ตามความต้องการในอนาคต

หากสนใจบริการแช่แข็งอสุจิ สามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษากับทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราได้

NIPT: การตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์

NIPT (Non-Invasive Prenatal Testing) เป็นการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกตั้งแต่อายุครรภ์ 14 สัปดาห์ขึ้นไป โดยการเก็บตัวอย่างเลือดจากคุณแม่เพื่อตรวจหาความเสี่ยงของความผิดปกติทางพันธุกรรมบางชนิด เช่น ดาวน์ซินโดรม (Trisomy 21) เอดเวิร์ดซินโดรม (Trisomy 18) และความผิดปกติอื่น ๆ ของโครโมโซม



การตรวจนี้มีความปลอดภัยสูงเพราะไม่ต้องเจาะน้ำคร่ำหรือใช้วิธีการที่เสี่ยงต่อทารกในครรภ์ ทำให้ NIPT เป็นตัวเลือกที่ได้รับความนิยมสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องการความมั่นใจในสุขภาพของลูกน้อย


NIPT คืออะไร?

NIPT
เป็นการตรวจคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกในครรภ์ โดยการวิเคราะห์ cfDNA (Cell-Free DNA) ของทารกที่ลอยอยู่ในกระแสเลือดของคุณแม่ ซึ่งเทคนิคนี้สามารถบอกความเสี่ยงของภาวะโครโมโซมผิดปกติได้อย่างแม่นยำกว่า 99% สำหรับบางโรคที่พบได้บ่อย


NIPT ตรวจหาอะไรได้บ้าง?

1. ภาวะดาวน์ซินโดรม (Trisomy 21)

ความผิดปกติที่เกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 แท่ง ซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะปัญญาอ่อนและความผิดปกติของการเจริญเติบโต

2.ภาวะเอดเวิร์ดซินโดรม (Trisomy 18)

ความผิดปกติที่เกิดจากโครโมโซมคู่ที่ 18 เกินมา ทำให้เกิดความผิดปกติของอวัยวะหลายระบบ และมีผลต่อการเจริญเติบโตของทารก

3.ภาวะพาทัว ซินโดรม (Trisomy 13)

ความผิดปกติของโครโมโซมคู่ที่ 13 ซึ่งทำให้เกิดความผิดปกติรุนแรงของสมองและหัวใจ

4. ความผิดปกติของโครโมโซมเพศ

ตรวจความผิดปกติของโครโมโซมเพศ เช่น

  • Turner Syndrome (XO): พบโครโมโซมเพศขาดหายไป 1 แท่งในเด็กผู้หญิง
  • Klinefelter Syndrome (XXY): มีโครโมโซมเพศเกินมาในเด็กผู้ชาย

5. ตรวจเพศของทารก (หากผู้ปกครองต้องการทราบ)


ขั้นตอนการตรวจ NIPT

1. การให้คำปรึกษา

คุณหมอจะอธิบายขั้นตอนและประโยชน์ของการตรวจ NIPT

2. การเก็บตัวอย่างเลือด

แพทย์จะทำการเจาะเลือดจากคุณแม่ประมาณ 10 มิลลิลิตร เพื่อนำไปวิเคราะห์หาความผิดปกติ

3. การวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ

ห้องปฏิบัติการจะวิเคราะห์ cfDNA ในกระแสเลือดแม่เพื่อตรวจหาความผิดปกติของโครโมโซม

4. รับผลตรวจ

ผลการตรวจจะออกภายใน 7-10 วัน และคุณหมอจะอธิบายผลการตรวจให้เข้าใจ


ข้อดีของการตรวจ NIPT

  • ปลอดภัย: ไม่มีความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ เพราะไม่ต้องเจาะน้ำคร่ำหรือใช้เครื่องมืออื่นที่อาจก่อให้เกิดอันตราย
  • แม่นยำสูง: ความแม่นยำในการคัดกรองภาวะดาวน์ซินโดรมสูงถึงกว่า 99%
  • ตรวจได้เร็ว: สามารถตรวจได้ตั้งแต่อายุครรภ์ 14 สัปดาห์ขึ้นไป
  • ช่วยให้วางแผนการตั้งครรภ์ได้ดีขึ้น: หากพบความผิดปกติ คุณหมอจะช่วยวางแผนการดูแลสุขภาพทั้งแม่และทารก

ใครควรตรวจ NIPT?

  • คุณแม่ที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป ซึ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้นต่อความผิดปกติของโครโมโซม
  • คุณแม่ที่เคยมีประวัติการตั้งครรภ์ทารกที่มีความผิดปกติของโครโมโซมมาก่อน
  • คุณแม่ที่ต้องการความมั่นใจในการตั้งครรภ์ครั้งนี้
  • คู่สมรสที่มีประวัติความผิดปกติทางพันธุกรรม

ข้อจำกัดของ NIPT

  • NIPT เป็นการตรวจคัดกรอง ไม่ใช่การวินิจฉัย หากพบความเสี่ยง จำเป็นต้องยืนยันผลด้วยการเจาะน้ำคร่ำหรือ CVS (Chorionic Villus Sampling)
  • ตรวจได้เฉพาะความผิดปกติของโครโมโซมบางชนิดเท่านั้น

สรุป

การตรวจ NIPT เป็นการคัดกรองความผิดปกติของโครโมโซมทารกที่ปลอดภัย รวดเร็ว และมีความแม่นยำสูง เหมาะสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องการความมั่นใจในสุขภาพของลูกน้อย หากคุณสนใจเข้ารับบริการตรวจ NIPT หรือต้องการคำปรึกษาเพิ่มเติม 

สามารถติดต่อทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราได้

หากคุณสนใจบริการสามารถติดต่อเพื่อขอคำปรึกษาเพิ่มเติมจากทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลยค่ะ

สร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ ด้วยความเชี่ยวชาญที่คุณไว้วางใจ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy